Saturday, November 25, 2006

Vomit

Warning!!!
ข้างล่างเป็นเรื่องบ่น รับมาจากหลายที่ ถ้าต้องการแหล่งที่มา จัดให้!!!
1-
จะทำอย่างไรเมื่อทุกอย่างสังเคราะห์ขึ้นมาได้
ไม่ว่าจะชีวิตคน ชีวิตสัตว์ พืช ต้นไม้ แบคทีเรีย
เพียงแค่อยู่บ้านโทรสั่งดีเอ็นเอ หรือโปรตีน สเป็กตามต้องการ
เอาตัวนี้ ฉลาดเท่านี้ สีนี้ หล่อๆหน่อย....
แล้วมาผสมเล่นเองที่บ้าน
ก็ได้มาแล้ว artificial life!!!

นั่นเป็นสิ่งที่นักศึกษา นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังทำอยู่ ชีวะ สาขา Synthetic Biology
ทุกอย่างต้องสังเคราะห์ได้ (ความรัก คุณธรรม อาจไม่ได้ แต่ก็เป็นผลของมัน)
บางคนบอกว่านี่เป็นสาขาใหม่ ที่มีความอันตรายระดับนิวเคลียร์
เป็นผลลัพธ์อันน่ากลัวของควอนตัมฟิสิกส์
ชีวิตเทียมที่กำลังพัฒนากันอยู่นี้ ไม่มีใครรู้ว่ามันจะมีผลอย่างไร
มันจะฉลาดกว่าคน หรือว่า มันจะโง่กว่าคน
มันจะเป็นผู้รับใช้มนุษย์หรือว่า จะกลับมาเป็นนายของมนุษย์
สมการที่มีอยู่ตอนนี้แม้ว่าจะบ่งบอกว่าชีวิตเทียมเกิดขึ้นได้จริง
แต่ในเรื่องพวกนี้มันไม่ได้อยู่ในสมการ เพียงแค่คิดคำนวณมันไม่สามารถตอบได้
สถานการณ์มันก็เหมือนกับการเกิดของปรมาณู
ตอนนั้นนักวิทยาศาสตร์คิดค้นระเบิดปรมาณูได้แล้ว แต่ยังไม่กล้าใช้
เพราะไม่รู้ว่าปฏิกิริยาลูกโซ่ของสารกัมมัตภาพรังสีจะต่อเนื่องลูกโซ่ ต่อไปทั้งโลกหรือไม่
สมการที่มันเกิดขึ้นมา ไม่ได้บอกเอาไว้
สุดท้าย สถานการณ์การเมืองสุกงอม
สหรัฐสั่งลุยโดยใช้ญี่ปุ่นเป็นที่ทดลอง ดูว่าปฏิกิริยามันจะหยุดหรือว่าจะต่อเนื่องลูกโซ่ไม่มีวันหยุด
คุณพระช่วย!!!
โชคดี ปฏิกิริยาหยุดลงแค่เมืองๆหนึ่งถูกทำลายป่นปี้ไป
ขณะนี้
Synthetic biology นี้ก็เหมือนกัน
นี่ก็เป็นวิทยาศาสตร์เพื่อให้โลกที่ดีขึ้น สร้างโลกของวันพรุ่งนี้
โลกที่ปัญหาอันร้ายแรงของมนุษย์ทั้งหมดจะถูกกำจัดไปด้วยของที่ร้ายแรงเช่นกัน



2-
มหาวิทยาลัย ศิลป์ไสยไทยโบราณ (มศส) ก่อตั้งด้วยทุนของ เจียง ลิวลัน มหาเศรษฐีจีนไต้หวัน อายุ เก้าสิบปี
ท่านบริจาคเงินสร้างมหาวิทยาลัยสมัยใหม่ในหลายประเทศ เพื่อการศีกษาศิลปะ พยากรณ์ศาสตร์ และไสยศาสตร์

อัมรินทร์ อินทร์ฤทธิ์ นิสิตใหม่ของที่นี่ ฝันแปลกๆในตอนหัวรุ่ง

วันแรกนั้น เขาละเมอเดินออกมาหน้าบ้านจัดสรรของเขา ย่านสุทธิสาร
เห็นทางลาดซีเมนต์หน้าบ้านกลายเป็นท้องนาน้ำท่วม
เขาครึ่งหลับครึ่งตื่นเห็นปีศาจเพื่อนรุ่นบิดาของเขามาตีกบบนถนนคอนกรีตซึ่งในอดีตเคยเป็นท้องนา

วันต่อมาเขาฝันเห็นสุนทรภู่มากับบ่าวคนแจวเรือของท่าน

ก่อนที่ท่านสุนทรภู่จะลับกาย ท่านสั่งอัมรินทร์ให้ไปห้องสมุดของ มหาวิทยาลัย ศิลป์ไสย
เพื่ออ่านนิราศสุนทรภู่และความเป็นมาของนิราศสุนทรภู่

วันที่เขาฝันถึงท่านสุนทรภู่ เขามุ่งตรงไปยังมหาวิทยาลัยศิลป์ไสย(มศส)เพื่อจะถามอาจารย์วิชาไสยศาสตร์
ว่าย่านสุทธิสาร บ้านของเขานั้น ในสมัยโบราณมีความมหัศจรรย์อันใดหรือ จึงเป็นที่รวมของวิญญาณต่างๆ
ตามที่เขาฝันถึงตอนหัวรุ่ง

อาจารย์ รักยอด วิชาดาว โหรเก่าวัย แปดสิบปี อาจารย์ในคณะโหราศาสตร์ จูงอัมรินทร์ออกไปดูท้องฟ้า แล้วพูดว่า
"ท้องฟ้าคือโบราณวัตถุที่เก่าแก่ที่สุด....สุสานทุกแห่งอยู่ใต้ท้องฟ้า
อดีต-ปัจจุบัน-อนาคตอยู่ใต้ท้องฟ้า บ้านคุณมีปฏิทินใช่ไหม"
"มีครับ"
"ปฏิทินเป็นตัวเเทนของอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต เมื่อบ้านคุณมีปฏิทิน ก็หมายความว่ามีวิญญาณของทุกชีวิตรอบบ้านคุณ"


3-
โลกกำลังพัฒนา เทคโนโลยีจะพัฒนาได้ไม่ถึงที่สุด

เวลาจะถูกตีความใหม่

ผู้ที่เห็นทางตัน เป็นเพียงผู้ที่อ่อนแอ
ผู้ที่เห็นโลกข้างหน้า แม้เขาจะไม่ได้อยู่เชยชม แต่จะเป็นหินก้อนหนึ่งที่ก่ออนาคตนั้น
โลกกำลังร้อน โลกกำลังร้องไห้ มนุษยชาติกำลังจะล่มจม
มีนักวิจัยชาวอเมริกา ทำวิจัยว่าทำไม อารยธรรมจึงล่มสลาย
เขาทำการคำนวณ จาก แหล่งอารยธรรมหนึ่งในที่ราบระหว่างเทือกเขาแอนดีส มหาสมุทรแปซิฟิก ณ ที่นั่นมีแม่น้ำที่เคยไหลผ่าน จนเกิดเป็นชุมชน เป็นอู่อารยธรรม
แต่มาวันหนึ่งแม่น้ำนั้นเกิดเปลี่ยนทิศทาง
อารยธรรมนั้นจะลุ่มสลายเพราะขาดแคลนน้ำ แต่ว่าอารยธรรมนั้นมีวิทยาการก้าวหน้าจึงคิดจะเปลี่ยนกระแสน้ำกลับ สุ้กับธรรมชาติ ดึงกระแสน้ำกลับมา
การต่อสู้กับธรรมชาติข้อจำกัด มันทำให้คนแกร่ง
ถ้าผ่านด่านนั้นไปได้
แต่แล้วอารยธรรมนั้นก็สูญหาย พ่ายแพ้ แก่ธรรมชาติ
เป็นเพราะอะไร เพราะเขามีวิทยาการไม่พองั้นหรือ ถ้าใช้เทคโนโลยีสมัยนี้ไปจัดการ
คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร
เราจึงควรต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ไปให้พ้นขีดจำกัดนั้น ไปเป็นคนของอนาคต?
แต่ภาวะในปัจจุบัน เรากำลังเล่นบทบาทเดิมอยู่เช่นเดียวกับอารยธรรมนั้น
หรือว่าเรากำลังไล่ล่าอนาคต
มีคนถามว่า เราอยู่ลำพังในจักรวาลนี้ไหม
มนุษย์ต่างดาวมีจริงไหม
ลองคิดดูว่า ถ้าเราพัฒนาเทคโนโลยีไปได้เรื่อยๆ เราจะสามารถไปต่างดาวได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แล้วเราก็สามารถทิ้งโลกนี้ไปได้เลย เป็นขั้นสูงสุดของวิทยาการ
เราก็บินไปหาพวกเขากันเลย
แต่มองกลับกัน ถ้ามีเขาจริงๆ และอาจพัฒนาก่อนเราเหลื่อมล้ำกัน
เขาก็น่าจะมาหาเราแล้วละสิ UFO?
นั่นแปลว่า อารยธรรมจะถึงจุดสิ้นสุดมนุษย์จะสูญหายไปเสมอก่อนที่วิทยาการจะก้าวทันธรรมชาติ
หรือว่า มนุษย์วิวัฒนาการจนเลยไปแล้ว ไปอยู่ที่จักรวาลคู่ขนานที่มองไม่เห็น แต่สั่นสะเทือนถึงกันได้ กลายเป็นแมงกระพรุน หายไปจากมิติของเรา อย่างชาวอินคา อย่างชาวอียีปต์ อย่างพระพุทธเจ้า อย่างพระเยซู?
ผมจะรออยู่ที่วันพรุ่งนี้