Tuesday, August 17, 2010

รีวิวหนัง: ลุงบุญมีระลึกชาติ (จากนักวิจารณ์เยอรมัน)

ภาพยนตร์ "ลุงบุญมีระลึกชาติ"
ประเภท ตลก

ลุงบุญมี หมอผีที่ประตูแห่งความตาย

อันที่จริงแล้ว หนังเรื่องใหม่ของผู้กำกับชาวไทย อภิชาิตพงศ์ วีระเศรษฐกุล ไม่มีทางที่จะหาคำอธิบายได้ ดังนั้นต้องดูด้วยตัวเอง และก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ชมจำนวนไม่น้อยที่คานส์ปีนี้ ต้องออกจากโรงก่อนเวลา แต่ใครที่ทนอยู่จนจบได้ จะได้รางวัลเป็นประสบการณ์หนังที่ภาพยนตร์สมัยนี้น้อยครั้งจะให้ได้ เพราะความยากที่จะควบคุมขนาดของหนังและความยากที่จะตีความความเชื่อและโลกของผู้กำกับในหนัง ทำให้ "ลุงบุญมีระลึกชาติ" เป็นความงามที่แปลกประหลาด และเป็นความแปลกประหลาดที่งดงาม

ลุงบุญมี (ธนพัฒน์ สายเสมา) รู้ตัวหลังจากอาการไตวายว่าตัวเองจะเหลือเวลาอีกไม่นาน จึงอยากจะกลับบ้านที่อีสานเพื่อรอความตายในแวดล้อมของครอบครัวและคนรู้จัก ขณะที่ลุงบุญมีรับประทานอาหารเย็นกับน้องสาว ป้าเย็น (เจนจิรา พงพาส) กับหลานชาย ต้อง (ศักดา แก้วบัวดี) วิญญาณภรรยาของลุงบุญมี ก็ปรากฏมาในวงกินข้าว หลังจากนั้นไม่นาน ลุงบุญมี ก็เจอกับ สัตว์ประหลาดร่างลิงที่มีดวงตาสีแดงวาว แล้วลุงก็พบว่า สัตว์ตัวนี้คือลูกของลุงที่หายไปอย่างลึกลับ แล้วลุงบุญมีก็ออกเดินทางครั้งสุดท้ายกับคนที่ยังมีชีวิตไปยังถ้ำ้ที่ลุงได้เกิด เพื่อจะจบชีวิตลงที่นั่น ขณะที่วิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วพาลุงไปสู่ความลับของการเกิดใหม่

แม้ว่า เผด็จการทหารที่ปกครองประเทศไทยจะต่อต้านความเชื่อของการเกิดใหม่และเรื่องผีห่าซาตาน แต่ความเชื่อเรื่องพวกนี้ของคนไทยก็ไม่ได้ถูกทำลายไป อภิชาตพงศ์ที่มีความเชื่อในเรื่องนี้อย่างแน่นแฟ้นได้พัฒนาภาพยนตร์เรื่องนี้จากหนังสั้นเรื่องจดหมายถึงลุงบุญมี ในงานศิลปะชุด primitive ของเขา งานชุดนี้ เป็นงาน Installation และ รวมภาพถ่าย ที่ได้จากการผสมผสานประสบการณ์ส่วนตัว ภาพสารคดี และ ความคิดเรื่องชาิติพันธุ์ ผู้กำกับได้ถ่ายทอดเรื่องราวนี้ด้วยพลังสร้างสรรค์เต็มไปด้วยศิลปะ รวมทั้งเรื่องราวที่หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรม ตามด้วยภาพของความตายและการเกิดใหม่ ที่ลุงบุญมีได้รับประสบการณ์จากการค้นหาทางวิญญาณนี้ ถ้าตัวหนังได้เล่าเรื่องตามเวลา ในขณะเวลาที่หนังดำเนินไปเกือบสองชัี่่วโมง หนังค่อยๆละลายประสบการณ์ จินตนาการ และแฟนตาซี ระหว่างโลกจริงและโลกวิญญาณ ไปสู่ภาพหลอนที่เต็มไปด้วยคำถามและเวทมนตร์ประหลาด

ลุงบุญมีฯ เป็นภาพยนตร์ที่เป็นตัวของตัวเองและอาร์ตที่สุดในงาน และสำหรับผู้ชมหลายคนมันเป็นหนังที่เข้าใจยากที่สุดในคาสน์ปีนี้ มันเป็นหนังที่ไม่ใช้เทคนิกพิเศษหรือทริกใดๆ มันเล่าเรื่องโดยตัวของมันเองและทำให้ผู้ชมได้เห็นอะไรบ้างอย่างที่ตนเองได้ปกปิดไว้ ในแต่ละเฟรมและการจัดตัวแสดงประกอบ อภิชาติพงศ์ สร้างเรื่องราวด้วยการใช้แว่บแรกของแต่ละฉาก ทำให้ผู้ชมเหมือนมองทิวทัศน์บ้านเกิดของเขาในกล้องคาไลโดสโคป ที่ความตาย และ วิญญาณแห่งอดีต ไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับลุงบุญมี แต่เป็นดั่งบทกวีเปรียบเปรยดินแดน ในภาวะที่หยุดชะงัก ในชายขอบระหว่างชีวิต ความตาย และ การเกิดใหม่
ในประสบการณ์แบบผ่านพ้นและในการติดอยู่ในประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสและภาพเหมือนฝัน หนังจะเดินเป็นเพื่อนผู้ชมไปอย่างสบายๆไปสู่การรับรู้อีกระดับหนึ่ง เเละเมื่อคุ้นเคยกับหนัง ผู้ชมก็จะเชื่อการมีอยู่ของวิญญาณ สิ่งเหนือจริง และวงจรการเกิดใหม่ แม้จะไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้มาก่อน ลุงบุญมีฯเป็นหนังที่ควรดูอย่างยิ่งที่ด้านหนึ่งช่างไร้เดียงสาแต่ก็ถ่ายทอดมุมมองที่ยิ่งใหญ่ต่อความจริงรูปแบบใหม่และการมองโลกอีกแบบหนึ่งโดยไม่ต้องมีภาพคอมพิวเตอร์กราฟฟิกใดๆ นี่คือ มหัศจรรย์ของโลกภาพยนตร์จริงๆ

หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่หนังที่ดีที่สุดของอภิชาติพงศ์ แต่เป็นหนังที่ดูง่ายที่สุดของเขา และการที่หนังเรื่องนี้ชนะรางวัลปาล์มทองคำก็เหมือนเป็นสัญญาณต่อไปว่า หนึ่งที่คานส์นั้นรับรู้สถานการณ์บ้านเมืองในประเทศไทยและสนับสนุนศิลปินผู้เกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างอภิชาติพงศ์ด้วย และสอง ภาพยนตร์ที่แปลกประหลาดเต็มไปด้วยปริศนาและงดงามอย่างมีเอกลักษณ์ แม้จะเข้าถึงได้ยากก็ยังมีที่ยืนอยู่ในวงการภาพยนตร์โลก

การที่หนังของอภิชาติพงศ์จะมาเข้าโรงที่เยอรมันนั้นยังไม่เป็นที่รับรู้ และก็เป็นไปได้ที่หนังเรื่องนี้จะไม่เข้าฉายแก่ผู้ชมทั่วไปในเยอรมันอย่างไรก็ตาม เมื่อมีโอกาสได้ฉาย ก็ควรชมเป็นอย่างยิ่ง เพราะ ไม่ว่าคนจะชอบหนังเรื่องนี้หรือไม่ ความตายของลุงบุญมีนี้เป็นประสบการทางภาพยนตร์บนชายขอบของประสบการณ์ที่มีคุณค่าและหาชมได้ยากในเวลานี้เป็นอย่างยิ่ง

โดย Joachim Kurz
http://www.kino-zeit.de/filme/uncle-boonmee-who-can-recall-his-past-lives

ปล แปลโดยคนยังไม่ได้ดูหนัง มีข้อผิดพลาดแน่นอนครับ ต้องขออภัยด้วย