Friday, January 24, 2014

เก็บตกจากสารคดี "ความชั่วช้าสามานย์อันทนรับมิได้ - Das radikal Boese"

http://www.youtube.com/watch?v=96wBhgXafto

"การเห็นคนต่ำกว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" - Patrick Debois ผู้เชี่ยวชาญการศึกษาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในยุโรปตะวันออก

วันนี้ได้มีโอกาสไปดูสารคดีมาครับ เรือง Das radikal Boese - The radical evil ที่ตั้งคำถามทำไมทหารนาซีถึงฆ่าคนยิวได้อย่างเลือดเย็น

ในหนังก็ให้คำตอบจากงานวิจัยครับ โดยบอกว่า นาซีก็มีสุขภาพจิตปกติเหมือนคนทั่วไป แต่มันเริ่มที่เราเห็นคนอื่นต่ำกว่า แย่กว่า จากข้อมูลผิดๆที่เป็นโปรปากานด้า โฆษณาชวนเชื่อ แล้วก็มีการสร้างพรรคพวกให้เห็นว่ายิวมันเลว เป็นศัตรูของฝ่ายเรา คนอื่นก็อยากฆ่ายิวเหมือนๆกัน แล้วสร้างสถานการณ์ที่ทำให้ฆ่ายิวได้ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ไม่มีการทำโทษ หรือ ประนาม มีแต่การให้รางวัล (conformity)

เเละเพื่อลดความกดดันทางศีลธรรมส่วนบุคคล ก็แบ่งขั้นตอนการฆ่าเป็นหลายๆขั้น ให้แบ่งกันทำเพื่อ ลดความรับผิดชอบไป เป็นขั้นๆ เช่น ให้คนนึงเหนี่ยวไก คนนึงสั่งยิง คนนึงจับนักโทษมา เวลาจับนักโทษก็จับเหมือนกับจับสัตว์ให้คนยิงรู้สึกเหมือนยิงสัตว์

แต่จากบันทึก และ คำให้การของทหารที่โดนขึ้นศาล พวกเขาบางคนก็รู้สึกผิดแต่ว่าถือว่าความรู้สึกผิดนั้นคือความอ่อนแอที่จะ แสดงออกมาไม่ได้ ต้องทำตามคำสั่งและทำเพื่ออุดมคติ เช่น เพื่อชาติ เท่านั้น

วิธีที่จะป้องกันความโหดร้ายแบบนี้ในอนาคตคือ
หนึ่ง การอนุญาตให้ทหารปฏิเสธการกระทำที่ผิดหลักมนุษยธรรมได้ โดยไม่ขึ้นคำสั่งของผู้นำ
สอง พยานผู้เห็นเหตุการณ์ต้องกล้าหาญพอที่จะห้ามการกระทำนั้น หรือ ประนามการกระทำนั้นทันที
และสาม เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ต้องต่อต้านการเหยียด ดูถูก กัน ในทุกรูปแบบเช่น การเหยียดผิว เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ทหารพวกนี้ แม้จะอ้างว่า ทำเพราะคำสั่ง ทำเพื่อชาติ แต่ก็ไม่สามารถหนีความรับผิดชอบส่วนบุคคลไปได้ ต้องขึ้นศาลรับผิด โดย มีกระบวนการสอบสวนที่ เมือง เนินแบร์ก ประเทศเยอรมนี หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเกือบทั้งหมดที่ถูกนำมาขึ้นศาล ก็ถูกตัดสินประหารชีวิต

แต่กระบวนการยุติธรรมนี้ก็มีข้อจำกัด คือ มีทหารที่ฆ่ายิวเป็นจำนวนมากเกินกว่าจะสอบสวนได้หมด เขาจึงเลือกมา 24 นาย ซึ่งเป็นจำนวนที่ห้องที่ใช้สอบสวนรองรับได้ มันเป็นเหตุผลที่ประหลาดมาก และ ทั้งหมดก็ถูกปล่อยตัวหลังจากคำพิพากษาไม่กี่ปี (ยกเว้นคนที่ตายในคุก)

ผู้พิพากษาในครั้งนั้น เบนจามิน เฟเรนซ์ (Benjamin Ferencz) ได้แต่บอกว่า มันช่วยไม่ได้ เราไม่สามารถจะได้ความยุติธรรมที่สมบูรณ์แบบ แต่ได้เพียงความยุติธรรมที่ยอมรับได้อย่างสูงที่สุด มันแสดงได้แค่ว่า มนุษย์จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์โหดร้ายแบบนี้อีกแล้ว


--------------------------------------------


„Das radikal Böse ist das, was nicht hätte passieren dürfen, das heißt das, womit man sich nicht versöhnen kann [...] woran man auch nicht schweigend vorübergehen darf.“ - Hannah Arendt

"ความชั่วร้ายที่สุดที่ไม่ควรเกิดขึ้น คือสิ่งที่คนไม่ควรประนีประนอมกับมัน และ สิ่งที่คนไม่ควรเป็นเงียบกับความชั่วร้ายนี้" - ฮันนา อาเรนดท์ นักปรัชญาชาวยิวผู้รอดจากสงครามโลกครั้งที่สอง

ปล. ผมดูมารอบเดียวเป็นภาษาเยอรมัน อาจมีผิดได้ ต้องขออภัย และ พร้อมแก้ไขเสมอครับ