พระพุทธวจนะ
"ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม"
"ทุกข์" นั้นเป็นของดี ของประเสริฐ คนไม่มีปัญญาจะรังเกียจทุกข์ แต่คนมีปัญญาจะใช้ทุกข์นั้นเป็น "พลังเชื้อเพลิง" ขับเคลื่อนตัวเองไปสู่
ความเป็น "คนเหนือทุกข์"
แต่ต่อให้เป็นพระอรหันต์ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า "ทุกข์" ก็ยังอยู่ เพราะ "ทุกข์" เป็นแค่สภาวธรรม ไม่มีตัวตนอะไรฆ่าให้มันตาย เป็นแค่ "สิ่งรู้ของจิต" เท่านั้น
ถึงโลกใบนี้แตกไป ทุกข์มันก็ยังอยู่ "ตามสภาวะ" ของมัน!
จง"รู้จักทุกข์" ว่าหน้าตามันเป็นอย่างนี้ มันมาได้อย่างนี้ มันอยู่ของมันอย่างนี้ และมันก็เป็น-ก็อยู่ของมันอย่างนั้น
เพราะนี่คือ "ธรรมชาติ" อย่างหนึ่ง
เมื่อเรารู้จักมันแล้ว คือวางจิตอยู่เหนือมัน พูดง่ายๆ คือมันมีอยู่ แต่เราไม่ทุกข์กะมัน แค่นั้นเราก็มี "จิตอริยะ" แล้ว
ทุกข์" คือสะพานสู่ "สุข" ข้ามสะพานทุกข์ไปถึงอีกฝั่งแล้ว หันหลังกลับไปมอง "สะพานทุกข์" มันก็ยังอยู่ของมันอย่างนั้น รอให้คนอื่นๆ ใช้เป็นเส้นทางข้ามไปสู่อีกฝั่ง ต่อๆ ไปไม่สิ้นสุด
ถ้าไม่มี "ตัวทุกข์" โลกนี้ก็เห็นทีจะไม่มีคำว่า "นิพพาน"!?
2-
วันๆ เราไป "นิพพาน" กันหลายๆ หน!?
โดยพื้นฐานปกตินั้นใจของมนุษย์ทุกคนมันว่างๆ เปล่าๆ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่หนาว ไม่รัก ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่อะไรทั้งนั้น ตามภาษาธรรมท่านเรียก "จิตเดิมแท้" นี้ว่า
"จิตประภัสสร"
เวลาที่เรารู้สึกเฉยๆ ว่างๆ ไม่รุ่มร้อนด้วยสุข-ด้วยทุกข์ ช่วงขณะที่รู้สึก "ว่าง" อย่างนั้น
นั่นแหละ กำลัง "นิพพาน"!
เรียกว่า "ตทังคนิพพาน" คือ นิพพานชั่วขณะ นิพพานชั่วครั้ง-ชั่วคราว พอ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไปปะทะกับ รูป รส กลิ่น เสียง สิ่งสัมผัสทางกาย สิ่งสัมผัสทางอารมณ์
เจ้าตัว "กิเลส ตัณหา อุปาทาน" มันลากใจให้กระเจิงตามมันไปเท่านั้นแหละ
นิพพานหายไป นรกเป็นที่อยู่ของใจทันที!
"วิกขัมภนนิพพาน" คือภาวะจิตสงบเย็นที่ยาวนานต่อเนื่อง แล้วถ้าใครใช้ปัญญาญาณบริหารจิต ฟาดฟัน-ประหาร กิเลส ตัณหา อุปาทาน ให้ถอนรากถอนโคนขาดสะบั้นลงไปได้ จิตก็จะเข้าสู่ภาวะ
"นิพพานัง ปรมัง สุญญัง"
เป็นพระอรหันต์ อยู่เหนือโลก เหนือทุกข์ "สิ้นเหตุ-สิ้นปัจจัย" ไม่ต้องเวียนว่ายอยู่ในทะเลทุกข์ชนิด "ไม่จบ-ไม่สิ้น" อีกต่อไป!
ที่ว่า "สูญ" นั้น สิ่งที่สูญไป คือ
กิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ
ตัณหา คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
อุปาทาน คือ การยึดมั่น-ทึกทักใน "ตัวกู-ของกู" ไม่รู้จักความจริงที่ว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ และทุกอย่าง..ไม่มีตัวตนอะไรให้ยึด
"ตัวยึด" คือ "ตัวอุปาทาน" อันเป็นตัวลมๆ แล้งๆ ด้วยความโง่เขลาเท่านั้นเอง!
ใครก็ตาม ถ้าไม่มี "อุปาทาน" นั่นหมายความว่าบรรลุแล้วซึ่ง "อริยสัจจะ" ความจริงแท้ที่ทำให้มนุษย์อยู่เหนือโลก ๔ ประการ "ความจริงแท้" นั้นคือ
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และ มรรค
ใครอยากรู้ว่า ในเมื่อนิพพานไม่ได้สูญ ฉะนั้น ภาวะนิพพานคืออะไร เป็นอย่างไร?
เรื่องนี้ท่านว่า "เล่นไม่ยาก"
แค่ไปให้ถึง "ตามทาง"
จิตเข้าสู่ภาวะอริยะเมื่อไหร่
รู้ได้-สัมผัสได้ "เฉพาะตัว" ผู้นั้น-เมื่อนั้น ทันที!
ท่านใดไปถึงแล้ว ขออาราธนาตรงนี้ โปรดกรุณามา "โปรดสัตว์" ผู้ยาก "คือผม" ด้วยเถิด!
3-
โลกนี้ มีแต่ "ทุกข์กับทุกข์" เป็นของแท้ เท่านั้น...!?
adapted from
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=2/Dec/2549&news_id=134245&cat_id=200
No comments:
Post a Comment