(แปะไว้ จะได้หาง่ายๆ) เนื้อหาจากโพสต์เชฟทักษ์ ทั้งหมด
ที่มา https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=137282824650074&id=105874777790879
หน้าฝน ชื้นๆอย่างนี้ ก็ไม่พ้นฤดูกาลของเห็ดสิครับ โดยเฉพาะคนที่หลงรักกลิ่นของเห็ดทรัฟเฟิล ซึ่งถือว่าเป็นเห็ดที่แพงที่สุดในโลก กิโลกรัมละเป็นแสนบาท ต้องไม่พลาดเมนูนี้

1. พาสต้าเส้นแบน (Fettuccine) 8 ก้อน (ในแพ็คเค้าจะม้วนมาเป็นก้อนๆ) ซื้อที่
2. เห็ดแชมปิยองสีน้ำตาล Brown Button Mushroom หั่นหนา 1 ซม. 200 กรัม (1กล่อง 35 บาทเอง ที่แม๊คโคร)
3. ทรัฟเฟิลเข้มข้น (Truffle Paste) 3 ช้อนโต๊ะ
(กระปุกละ 500กรัม ราคา 570 บาทที่แม๊คโคร คุ้มนะครับ) แม็คโคร คู่คิดธุรกิจคุณ
4. นมสดไขมันเต็ม 1 ถ้วยตวง หรือ 200 มิลลิลิตร
5. ครีมแท้ ชนิดวิปปิ้งครีม 50 มิลลิลิตร
6. เนยสดชนิดจืด 1 ช้อนโต๊ะ
7. หอมใหญ่ 1/4 ลูก สับละเอียดยิบ
8. กระเทียมจีน 1 กลีบเล็ก สับละเอียดยิบ
9. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา (เริ่มต้น)
10. พริกไทดำตามชอบ
1. ต้มเส้น โดยเริ่มจากตั้งน้ำเปล่าให้เดือด ใส่เส้นพาสต้าลงไปต้ม (ไฟกลาง) ช่วงแรกให้คนหน่อยครับ ต้มไป 10 นาที (หรือตามที่ระบุที่ห่อ) เอาขึ้นใส่กระชอน ล้างน้ำเย็นเพื่อหยุดความร้อน จากนั้นนำน้ำมันในขวด truffle paste 1 ช้อนชาใส่ลงไปเคลือบเพื่อไม่ให้เส้นติด และเพิ่มความหอม พักเส้นรอไว้
2. ทำซอสเห็ดทรัฟเฟิล โดยเริ่มจากการผัดเห็ด หอมใหญ่ เนย และเกลือในกะทะไฟกลางถึงแรง ประมาณ 2 นาทีจนเห็ดเกรียม และเหี่ยวลง
3. ใส่กระเทียม ลงไปผัดอีก 30 วินาที
4. ใส่นมสดลงไป ตามด้วยครีม ต้มกับเห็ดที่ผัดแล้วจนเดือด และนมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล (ขั้นตอนนี้ ถ้าใครไม่อยากกินพาสต้า สามารถตักขึ้นทานเป็นซุปเห็ดได้เลย อร่อย นัว หอม หวานมาก)
5. ต้มไปอีกซัก 1 นาที จนครีมซอสงวดลงเล็กน้อย
6. ปิดไฟ และใส่ truffle paste ลงไปผสม
7. ชิมน้ำซอส ต้องให้เค็มนำนิดนึง เค็มนำหมายความว่าตอนชิมซอสแล้วถ้าอร่อยพอดี ให้เติมเกลือลงไปอีกซัก 1/4 ช้อนชา มันจะเค็มเกินไปหน่อย แต่พอใส่เส้นลงไปคลุกมันจะพอดี
8. เปิดไฟกลาง ใส่เส้นที่ต้มสุกแล้วลงไปคลุกกับซอส ตอนนี้เหมือนน้ำซอสจะยังเหลวๆนองๆ แต่พอคนต่อไปอีก 30 วินาที น้ำซอสจะซึมเข้าไปในเส้น และซอสจะเข้นขึ้นพอดี
9. ตักขึ้นใส่จาน ใส่พริกไทดำป่นก่อนเสิร์ฟ






(ส่วนนี้สำหรับเด็กเนิร์ด ใครขี้เกียจอ่าน ข้ามไปสรุปด้านล่างสุดได้เลย 

)




ของเขาจะต้องทำซอสพร้อมต้มเส้น พอเริ่มผัดเห็ดเตานึง อีกเตาก็จะเริ่มต้มเส้น น้ำที่ต้มเส้นก็ต้องใส่เกลือจนเค็มเหมือนน้ำทะเลเมดิเตอเรเนียนพอซอสทำและปรุงเสร็จหมาดๆ เส้นจะสุกพอดี เขาจะยกเส้นร้อนๆขึ้นจากน้ำเปล่าลงน้ำซอสทันที มันเป็นศิลปะของชาวอิตาเลี่ยนแบบ home cook
แต่ที่ผมให้ต้มเส้นก่อน เพราะมันเป็นเทคนิคการ preparation แบบร้านอาหาร เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ตอนทำซอสจะได้ไม่ต้องมาพวงกับการต้มเส้นไงครับ ทำให้เสร็จทีละอย่าง ปลอดภัยกว่า ถ้าเซียนแล้วค่อยทำแบบอิตาเลี่ยนเขา

เนยกับไฟแรงๆ ผสมกับหอมใหญ่จะช่วยให้เห็ดเกรียมเป็นสีน้ำตาลไวขึ้น เนยมีโปรตีนนม มีกรดอะมิโน หอมใหญ่จะปล่อยน้ำตาลออกมา เกลือช่วยลดค่ากิจกรรมของน้ำ (water activity)
ทั้งหมดนี้ช่วยทำให้เกิดปฏิกิริยาสีน้ำตาล (Maillard Reaction) กับเห็ดได้ไวขึ้น ซึ้งจากโพสต์ก่อนๆได้อธิบายไปแล้วว่า ปฏิกิริยานี้จะให้ทั้งสี และกลิ่นแบบ meaty หรือเนื้อย่างเกรียมๆ ทั้งๆที่ไม่มีเนื้อสัตว์ในสูตรนี้เลย
อีกทั้งเนยยังมีกลิ่นจาก diacetyl ซึ่งให้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเนยสดอีกด้วย
ต่างจากการใช้น้ำมันพืชผัด เพราะน้ำมันพืชไม่มีกรดอะมิโน ไม่มีโปรตีนนม และไม่มีกลิ่นหอมเหมือนเนย เราใส่เนยแค่นิดเดียวครับ แค่ 1 ช้อนโต๊ะเอง แต่มันสร้างความแตกต่างมากๆ ไม่อ้วนมากหรอกครับ


ในร้านอาหารที่เวลาสั่งพาสต้าครีมซอส เค้าจะใส่นมสดเป็นหลักต่างหากครับ เราเลยกินแล้วอร่อย ตักได้เรื่อยๆ ไม่เลี่ยน สูตรนี้ผมเลยให้ใส่ นมต่อครีม อัตราส่วน 4:1 ครับ
ใครกลัวอ้วน ใส่นมอย่างเดียวเลยก็ได้นะครับ มันจะยิ่งเบาไปอีก
ตอนทำซอสตอนนี้ถ้าใครลองชิมน้ำซอสในขั้นตอนนี้จะพบว่ามันกลมกล่อม หอมหวานมากทั้งๆที่ไม่ได้ใส่ผงชูรส แหะๆ ก็ใช่สิครับ ในเห็ดมันอัดแน่นไปด้วยผงชูรสธรรมชาติที่เรียกว่า “กัวไนเลต” มันเป็นนิวคลิโอไทด์ชนิดหนึ่งครับ
อีกทั้งในหอมใหญ่ยังมีน้ำตาลที่ให้ความหวาน บวกกับกลิ่นหอมของสีน้ำตาลจากเห็ดผัดเนยเกรียมๆ ที่อธิบายไว้ในข้อ 2 ที่ช่วยขับรสทุกอย่างให้หอม และกลมกล่อมมากๆครับ เทคนิคเหล่านี้ช่วยทำให้อาหารอร่อยขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งผงชูรสสังเคราะห์


truffle paste ที่ให้ใส่นี้ มันไม่ได้ทำมาจากเห็ด truffle 100% หรอกครับ ไม่เช่นนั้นกระปุกนี้คงราคาประมาณ 50,000 บาท
มันทำมาจากเห็ดแชมปิยองบดละเอียด ผสมกับเห็ดทรัฟเฟิลสีดำแท้ๆ เพียง 4% ครับ แค่ 4% ก็ฉุนมากๆแล้วครับ เห็ดนี้กลิ่นแรงมาก และเห็ดทรัฟเฟิลตัวมันเองไม่มีรสชาตินะ จืดมากๆ ไม่มีความอูมามิเหมือนแชมปิยอง หรือแม้แต่เห็ดหอมด้วยซ้ำ

ดังนั้นในขวด truffle paste นี้ถูกต้องแล้วครับ มีแชมปิยองและน้ำมันมะกอกเป็นตัวพากลิ่น (carrier)ให้น้องทรัฟเฟิล และยังให้รสนัว อูมามิ จากตัวของมันเองอีกด้วยที่ อธิบายไว้ในข้อ 4) และมันยังทำให้ซอสมีเกล็ดเห็ดสีดำๆละลายอยู่เหมือนใส่เห็ดทรัฟเฟิลจริงๆช่วยให้พาสต้าจานนี้ดูแพงและขายได้แพงขึ้นด้วยครับ
ขวดใหญ่นี้น้ำหนักครึ่งกิโล ราคา 570 บาทซึ่งถือว่าถูกมากๆ สำหรับ truffle lovers ใช้ได้นาน ผัดได้หลายสิบจานเลยครับ (ผมซื้อที่แมคโครลาดพร้าว)


ผัดซอสกับเส้นไปอีกซักพัก ตอนแรกน้ำจะนองๆหน่อย แต่พอผัดไปซักพัก ในขั้นตอนนี้แป้งจากเส้นจะออกมาทำให้ครีมซอสข้นขึ้น และเคลือบเส้นครับ เกลือในซอสก็จะซึมไปในเส้น ตักใส่จานเป็นการจบข่าว
ลองทำดูนะครับ อร่อยเหมือนในร้านอาหารอิตาเลี่ยนแพงๆเลย แต่ถ้าเราทำเอง จานนึงไม่ถึง 100 บาทครับ
1) กลิ่นทรัฟเฟิล (กลิ่นหลัก) มาจากการใช้ truffle paste ที่มีส่วนผสมของเห็ดแชมปิยอง(70%)และทรัฟเฟิล(4%)
2) กลิ่นรองหรือกลิ่นที่ช่วยเสริมกลิ่นทรัฟเฟิล มาจากการผัดเนยและเห็ดแชมปิยองสดด้วยไฟแรงจนเกรียม
3) ความเข้มข้นที่ไม่เลี่ยน มาจากการใช้นมสดต่อครีม 4:1 และปล่อยให้น้ำซอสนองๆเส้นในช่วงแรก พอผัดต่อไปน้ำซอสจะงวดเคลือบเส้นเอง
ปล. หลายคนมี truffle oil ที่บ้านอยู่แล้ว ใส่ได้เลยครับ จะยิ่งหอมขึ้นไปอีก เหยาะบนพาสต้าตอนก่อนจะเสิร์ฟก็ได้ครับ กลิ่นจะได้ไม่หาย
เชฟทักษ์

No comments:
Post a Comment