Thursday, August 01, 2024

Game theory บอกว่า ควร cooperate ยังไง ถึงจะได้ผลดีที่่สุด

https://en.wikipedia.org/wiki/Robert_Axelrod_(political_scientist)

https://en.wikipedia.org/wiki/The_Evolution_of_Cooperation

https://www.youtube.com/watch?v=mScpHTIi-kM


ศ. Robert Axelrod อดีตนักวิจัยทาง political science แห่ง Yale University ได้ทำการวิจัยจาก ทฤษฎีเกม ว่า จะต้องมีนิสัยแบบไหน ถึงจะประสบความสำเร็จในเกม prisoner's dilemma ที่ผู้เล่นแต่ละคนจะสามารถเลือกได้ว่า จะร่วมมือ หรือ หักหลัง ถ้าร่วมมือทั้งสองฝ่ายจะได้ 3 คะแนน ถ้าฝ่ายใดฝ่ายนึงหักหลัง ฝ่ายที่หักหลังจะได้ 5 คะแนน อีกฝ่ายจะไม่ได้อะไรเลย ถ้าหักหลังทั้งคู่ก็จะได้ 1 คะแนน 

โดยเขาได้พัฒนาเกมนี้ขึ้นไป โดยออกแบบ คาแรคเตอร์ หรือ นิสัย ของผู้เล่นต่างๆกันไป เช่น tit for tat ที่จะทำเหมือนกับสิ่งที่ได้รับ หรือ joss ที่จะชอบหักหลังมากขึ้นหน่อย และเขาได้รันเกมนี้ 5-200 รอบ แล้วสุดท้ายนำคะแนนมาเทียบกัน สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ชนะเกมนี้คือ คาแรคเตอร์ tit for tat หลังจากนั้น เขาก็ได้ปรับกติกาเกมไป เพื่อหาสถานการณ์ที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ก็ปรากฎว่า tit for tat ยังชนะอยู่ แต่ เขาก็พบว่า ถ้าปรับนิสัยของ tit for tat อีกเล็กน้อย ก็จะทำให้ชนะขาด และในภาพรวม ลักษณะนิสัยต่างๆที่ไปในทางดีจะชนะนิสัยไม่ดี โดยสรุป เขาพบ คุณสมบัติ 4 ข้อ ที่จะทำให้ชนะเกม cooperation นี้ ในระยะยาวคือ (ดูจาก คลิปของ veristasium)

1. be nice ให้เริ่มด้วยความใจดีก่อน คอยร่วมมือ อย่าหักหลังแต่เริ่ม
2. retailiatory/provocable ถ้าโดนหักหลังให้แก้แค้นโดนทันที
3. forgiving ถ้าโดนหักหลัง เมื่อเอาคืนแล้ว ก็ควรให้อภัย ให้กลับมาดีด้วยก่อน ถ้ายังมีซ้ำ ก็ให้หักหลังคืนต่อไป

4. be clear ชัดเจนกับแผนที่ทำ อย่าทำตัวให้คนสงสัย ด้วย โชว์ฉลาด หรือ พยายามหักหลังคนอื่นก่อน

ถ้ามองนิสัย 4 ประการน๊้ ไม่ใช่ ศีลธรรมทางคริสต์ที่จะยื่นแก้มให้คนอื่นตบเมื่อโดนตบไปก่อน แต่ออกเป็นศีลธรรมแบบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน แต่สามารถร่วมมือกับคนอื่นได้ อาจบอกได้ว่า เราไม่ต้องไปใจดีทำเพื่อคนอื่นมาก เราสามารถเห็นแก่ตัวได้บ้าง แต่คอยร่วมมือกับคนอื่นก็จะทำให้ชนะเกมได้

แต่ก็มีเกร็ดอื่นๆ เช่น ถ้า อยู่ในสถานการณ์ที่เจอกับ คนดีๆ นิสัย แบบ tit for tat จะไม่ชนะ หรือ ถ้า อยู่ในสถานการณ์ที่ แย่ๆ มี noise รบกวนให้เครียดมากๆ นิสัยแบบ tit for tat ก็จะทำคะแนนต่ำลงมาก ทางนักวิจัย ได้ แนะนำให้ forgive มากขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ เช่น โดนหักหลัง 10 ครั้ง ก็จะให้อภัยเพิ่ม 1 ครั้ง เพื่อให้กลับมาร่วมมือกันได้ใหม่ ตัวเลข 10 เปอร์เซ็นต์นี้ก็จะพอดีที่จะไม่ทำให้โดนเอาเปรียบมากเกินไป และทำให้ยังร่วมมือกันได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเกม zero sum game ที่ผู้ชนะได้หมด ผู้แพ้ไม่ได้อะไรเลย ลักษณะนิสัยแบบที่บอกมาจะไม่สามารถชนะได้ง่าย ซึ่งก็ต้องการคนที่มีนิสัยต่างออกไป แต่ในชีวิตจริง ส่วนใหญ่ไม่ใช่ zero sum game ดังนั้น tit for tat +10% จึงอาจเหมาะที่สุด หลังจากงานวิจัยเขาได้ตีพิมพ์ ก็มีงานอื่นๆ ทดลองต่างๆ ซึ่งพบว่าแม้ tit for tat ไม่ใช่ผู้ชนะ แต่ ลักษณะ 4 แบบ นี้ ก็เป็นกลุ่มหลักของผู้ชนะ

รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ในคลิป, เว็บวิกิ และหนังสือ https://www.amazon.com/Evolution-Cooperation-Revised-Robert-Axelrod/dp/0465005640



No comments: