Wednesday, September 19, 2007

จดหมายจากเพื่อนรัก

บังเอิญได้อ่านจม. เมลล์ ที่เขียนหา อาจารย์ จากเพื่อนที่ดีคนหนึ่งที่เรียนวิทยา ชีวะ เหมือนกัน
เห็นว่าน่าสนใจเลยเอามาลงบล๊อก แม้จะดูดัดจริตไปหน่อย

ตามนี้เลย

------------

หนูเขียนจดหมายมาบ่น มีเรื่องมากมายแต่หนูไม่รู้จะส่งไปหาใคร
เลยขอส่งมาคุยกับอาจารย์นะคะ หุหุ
ถ้าอาจารย์จะเอาไปส่งต่อ หนูก็ยินดีค่ะ จะได้มีคนมาคุยกับหนูบ้าง
ลองอ่านดูนะคะ

--------

ก่อนอื่น ฉันขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินไถลนอกรันเวย์ที่ภูเก็ตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และขอสวดมนต์ภาวนาด้วยความตั้งใจพิเศษ คือแผ่บุญ-แผ่กุศลให้ "ทุกท่าน" ทุกชาติ-ทุกภาษา-ทุกศาสนา ที่เสียชีวิตไป นั่นเป็นสิ่งที่ฉันทำได้เพียงเท่านี้ โชคชะตาช่างเล่นตลก ขนาดเครื่องถึงพื้นแล้วยังไม่วายมีอุบัติเหตุ ถ้าเป็นไปได้ ขออย่าให้อุบัติภัยร้ายแรงใดๆ เกิดกับไทยและกับทุกคนในประเทศไทยอีกเลย! สังคมเราบอบช้ำกันมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะพี่น้องชาวภูเก็ตที่เกิดแต่เรื่องร้ายแรงอย่างสึนามิ หรือ เครื่องบินตกแบบนี้

ที่ฉัีนเลือกเรียนชีวะ ก็ต้องย้อนมาก่อนว่าทำไมฉันเลือกเรียนวิทยาศาสตร์ ฉันเลือกเรียน วิทยาศาสตร์ เพราะฉันอยากเข้าใจโลกอยากเข้าใจธรรมชาติอันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันสงสัย และ ตื้นตัน มานานแล้ว ฉันคิดว่าโลกนี้เป็นเรื่องของเหตุของผล (แต่เหตุผลบางอย่างอาจพิสูจน์ไม่ได้) และวิทยาศาสตร์ก็เป็นเรื่องของเหตุของผล(ที่พิสูจน์ได้เท่านั้น:-) มันก็น่าจะเข้ากันได้ และมันน่าจะทำให้เราเข้าใจอะไรๆในโลกนี้ได้ จึงเลือกคณะวิทยาศาสตร์ มากกว่าคณะอื่นที่เน้นไปในทางสายอาชีพอย่าง ครู หมอ หรือ วิศวกร ที่เขาฮิตกัน ซึ่งก็โชคดีที่ทางครอบครัวก็ไม่ได้กดดันให้เลือกไปตามกระแสของสังคม (ขอบคุณปาป๊า หม่าม้า และญาติๆ ตรงนี้มากๆ อิอิ)

เมื่อเข้ามาเรียนวิทยา ก็รู้สึกดี กับทุกวิชา ปีหนึ่งเหมือนได้ทวนของ ม ปลาย สามปี ก็รู้สึกดี เหนื่อยดี และได้เห็นภาพของวิทยาศาสตร์ในภาพรวมของความสัมพันธ์ของแต่ละวิชา รวมทั้งวิชาสายศิลป์ด้วยนะ (ต้องขอบคุณมหิดลที่บังคับให้ฉันเรียนสายศิลป์) แต่แล้วทำไมถึงเลือกชีววิทยา ก็เหตุผลเดิม เหตุผลที่อยากจะเข้าใจโลกนี้มากขึ้น ชีวะเป็นผลรวม เป็นผลลัพธ์ของทุกสาขาวิชาในโลก ไม่ว่าจะทางสายวิทย์ ฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ ผลลัพธ์จากสมการ ทฤษฏีต่างๆสุดท้ายก็ออกมารวมที่ชีวะ หรือว่าจะเป็นสายศิลป์ ภาษาศาสตร์สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ศิลปศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ปรัชญา และแม้แต่ ดนตรี สุดท้ายก็ไม่ได้ไปพ้นจากชีวะเลย ทุกปรัชญา ทุกศาสตร์ และ ศิลป์ ออกมาแสดงตน เล่นละครความรู้ ที่ไร้ความตายตัว และ สดใหม่ ในเวที ที่ชื่อชีววิทยา นี้

หรือ อาจเป็นไปได้ว่า เพราะ ชีวะ คือ ชีวิต อีกทั้งยังรวมถึงสิ่งที่ไ่ม่มีชีวิตด้วย ไม่มีัตัวตนด้วย (บางทีนี่คือ ชีวะในความหมายของฉันเท่านั้น) และด้วยความที่ฉันเป็นพวกโลภมากก็คิดว่าจะได้เรียนทุกอย่างในหนึ่งแพ๊กเกจคือชีวะ ถ้าเรียกหรูๆก็บูรณาการ ไม่ตัดอะไรออกไป (ตัวอย่างวิชาอื่นที่เป็นอย่างนี้เช่น เกมลูกเเก้ว) อีกทั้ง ยังโดนไซโค จากพี่ๆที่แสนดีในคณะอีกด้วยหุหุ เป็นภาคที่ looks cool ไฮโซ ใช้เครื่องมือใหม่ๆ เทคนิกใหม่ๆ ได้เล่นกับดีเอ็นเอ ได้หนังสือภาพสวยๆ กระดาษดีๆไว้อ่าน และยังมีอะไรให้ค้นพบใหม่ๆเสมอ ส่วนทางสายอื่น อย่างฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ ก็ถูกค้นพบปรุโปร่งหมดแล้ว ยังมีพื้นที่ให้เราคนน้อยๆได้เพ้อฝัน

ฉันจึงคิดว่าชีวะ มันต้องเจ๋งมากๆแน่นอนจึงเลือก

แต่สุดท้่ายด้วยเหตุและผลมากมายแบบนี้ เมื่อเข้ามาในภาคชีววิทยาของจริง ฉันก็ต้องผิดหวัง เพราะในภาคนั้นมันช่างน่าเบื่อและคับแคบเหลือเกิน อย่างที่ว่า โลกในฝัน กับ โลกความจริง มันก็ต่างกันเสมอ ยิ่งฝันไว้ใหญ่ ความเจ็บปวดก็ทวีตามความใหญ่นั้น และเมื่อยิ่งได้เรียนรู้มากขึ้น ยิ่งรู้ว่า ชีวะแบบ ใน ม. มันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นอะไรเลย วิชาต่างๆใน ม. ก็เช่นกัน ไปในทางบ้าสาระ หาแก่นสารที่ศักดิ์สิทธิ์แต่กินไม่ได้ ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ (มั้ง)

ฉันก็เลยเรียนๆไป ทำตามหน้าที่ของนักเรียน บ้างก็เอามันกับวิชาที่มันพอมีความหวังที่จะได้ตามฝันอย่างที่หวัง บ้างก็เรียนแบบสำเร็จความใคร่ทางสมอง บ้างก็เบื่อๆไม่อยากเรียน ไม่ชอบเเล็บ ไม่ชอบอาจารย์ ไม่ชอบสังคม พอเบื่อๆ ก็ไปทำอย่างอื่น ที่มันสุนทรีย์ ที่มันกรี๊ดกร๊าด ที่มันตรงกับความชอบตัวเองมากกว่า เกรดเลยไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ มันมีค่าแค่เปื้อนกระดาษเท่านั้น ฉันว่านะ

แต่อย่างว่าแหละเธอ ฉันใจง่ายอยู่ อยู่ด้วยกันตั้งสามปีเลยตกหลุมรักมันเข้าไปแล้ว (ประมาณโดนชีวะตื๊อ, ตื๊อ เท่านั้นที่ครองโลก อิอิ หนุ่มๆจำเอาไว้นะ) อันที่จริงมันก็ไม่ได้เเย่อะไรมากหรอก แต่ฉันนั้นสร้างภาพไว้สวยงามเกินไป ระหว่างสามปี ฉันได้พบอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าชีิวะ มันเป็นประสบการณ์ที่ดี ที่ทำให้อ้าปากค้าง ร้อง Ohhhh! บางประสบการณ์มันก็เป็นเรื่องมิตรภาพ บางทีก็เป็นเรื่องความรัก บางครั้งก็เป็นเรื่องความฝัน เรื่องเลวๆก็มีอยู่เยอะ มันสอนอะไรได้เยอะ

ชีวิตที่ได้ใช้จริงนั่นแหละ ชีวะที่แท้จริง ฉันขอขอบคุณช่วงเวลาที่มีค่านั้นจริงๆ

เมื่อคนมันรักไปแล้วอย่างนี้ ฉันตอนนี้ก็เลยเรียนชีวะอยู่ ก็เพราะ ตกหลุมรักมันไปแล้ว ก็มีหน้าที่ที่ควรจะทำให้เสร็จ ไม่งั้นไปทำอะไรมันก็ทำครึ่งๆกลางๆทั้งนั้น ส่วนชีวะในความหมายของฉันนั้น ฉันก็ได้เเต่เล่นเกมซ่อนหากับมันตลอดเวลา สุดท้ายก็ไปพบมันจริงๆแหละ (หุหุ ไม่บอกหรอกว่าเจออะไร)

แต่ที่เลือกเรียนชีวะไปก็มีเรื่องที่กังวลอยู่เหมือนกันหละ อย่างที่เขาว่ากันแหละ ชีวะต้องฆ่าสัตว์ ผิดศีล ฉันก็กลัวเหมือนกัน รับไม่ได้จริงๆที่จะผิดศีล สำหรับเรื่องศีล ผู้รู้ นักปราชญ์ทุกคนยกย่องการมีศีล แต่ศีลคืออะไร ทำไมเราต้องปฏิบัติในศีลในธรรม เราเคยตั้งคำถามกันไหม อยู่ดีๆ ไ่ม่อยาก ฆ่าสัตว์เพราะผิดศีลที่เขาบอกๆกันมา มันก็แปลกๆนะ ฉันว่าปล่อยศีลเป็นเรื่องที่เรารู้สึกกันดีไหม อย่างฆ่าสัตว์ใหญ่อย่างหนู ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกัน รู้สึกแย่มาก ตั้งแต่หนอนหรือแมลงขึ้นมา ฉันก็ฆ่าไม่ได้แล้ว ทำแล้วรู้สึกไม่ดีมากๆ แต่ถ้าต้องทำ ก็ทำไปให้สำเร็จตามหน้าที่ที่ควรทำ แต่ทำไมไม่รู้ พอให้ฆ่าพวกแบกทีเรีย พวกเชื้อรา พวกเซลล์ ฉันกลับฆ่ามันได้หน้าตาเฉย ทุกวันก็ฟอกสบู่ฆ่ามันอีกด้วย หุหุ มันไม่ค่อยจะเศร้าเท่าไหร่ ก็แปลกดี กับความรู้สึกของตัวเอง

เเล้วพอไ้ด้รุ้ว่าการศึกษาหรือทำงานทาง ชีวะ มีสองทาง แบบรีวิว ทำทฤษฏี อ่านเปเปอร์ หรือว่า เล่นกัับคอม กับแบบ ทำแล็บสด ฉันก็อยากจะหนีการฆ่าสัตว์ด้วยตนเองไปทำแบบรีวิว แต่วิทยาศาสตร์มันก็ต้องอาศัยของจริง ไม่ใช่เพ้อๆเอามาเขียน ฉันเลยว่าทำแล็บสดจะดีกว่า เห็นผลได้จริง แม้ต้องฆ่า แต่ก็จะพยายามอุทิศส่วนกุศลไปใ้ห้พวกมันละกัน และเท่าที่เห็น พอนานๆไป เขาก็ส่งไม้ต่อให้รุ่นต่อไปทำ แก่ๆไป ก็จะอัพไปเป็น ศาสตราจารย์ นั่งสอน คุมแล็บ และก็เขียนเปเปอร์ แทน ไม่ได้ฆ่าเอง แต่สั่งคนอื่นฆ่า ระยะห่างเพิ่มขึ้นคงสบายใจมากกว่าเดิม แม้ว่าบาปคงมีเต็มกระบุง

สุดท้ายนี้ อยากถามว่าใครเชื่ออย่างที่ฉันเชื่อบ้าง เชื่อในเสียงเรียกของตัวเอง ถ้าเชื่อนะ หรือ แค่สนใจ ก็ขอให้เธอได้ลองใช้ความรู้สึกดู รู้มากๆ คุยกับตัวเองแบบเงียบๆ ฟังดีๆข้างในมันส่งเสียงเรียกเราตลอดเวลา ถ้าไม่ได้ยิน ทางที่ดี ลองหยุดเรียน หรือหยุดงานแล้วอ่านหนังสือที่หลากหลาย ออกเดินทาง ภายใน หรือ ภายนอก พบปะคนหลากหลาย ทำไปสักสองปี น่าจะได้รู้กันไปว่าเราจะทำำอะไร เกิดมาเพื่ออะไร (ฉันว่ามันช่วยได้แน่ๆ ลองดูสักครั้งสิ)

...ต่างคนต่างมีหนทางของตัวเอง มีแสงสว่างเป็นของตนเอง.. ศรัทธาของเราเป็นของเรา ศรัทธาของท่านก็เป็นของท่าน...

ขอบคุณที่ให้ฉันรบกวนเวลาของพวกเธอนะ มาฟังฉันคุยๆบ่นๆ ก็ขอรบกวนเวลาเธอแต่เพียงเท่านี้ ขอให้โชคดีในหนทางที่เลือก

ด้วยรัก