Friday, February 14, 2020

ถ้าไม่ถึงฝั่ง ก็ยังอยู่ในมหาสมุทรแห่งสงสาร

from https://www.facebook.com/kornkitd/posts/10156834392541954

ชั่วขณะหนึ่งเหมือนความฝัน

ในคัมภีร์มหาปรัชญาปารมิตาศาสตร์กล่าวว่า แม้คนๆ หนึ่งได้มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ มีความกรุณาอันยิ่งใหญ่ คิดจะเกิดแล้วเกิดอีกเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยาก ก็ได้อย่าได้ประมาทไป ท่านเตือนว่า "เป็นเรื่องไม่ฉลาด" ที่หวังจะทำแบบนั้น
เพราะหากยังไม่ได้เป็นพระโพธิสัตว์ชั้น "อนุปัตติกธรรมกษานติ" (無生法忍) คือ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่อการเกิดแล้ว เมื่อเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งจะต้องตกเป็นทาสของรูปและเสียง ทาสของลาภยศสวรรเสริญเอาง่ายๆ
กลายเป็นว่าแทนที่จะได้ทำกุศลช่วยเหลือสรรพสัตว์ แม้แต่ตัวเองยังช่วยให้พ้นอบายไม่ได้
ต่อให้เกิดมาแล้วพบครูบาอาจารย์ช่วยชี้นำ แต่หลงในโลกียะ หลงในอำนาจ อิทธิพล ก็จะก่อกรรมชั่วตกสู่อบายไปอีกหลายโกฏิภพชาติ
ดังนั้นหากยังอินทรีย์ยังไม่แก้กล้าต่อกิเลส ต่อให้เป็นนักบุญในชาติภพนี้ ก็อาจหลงแสงสีกลายเป็นมารได้ในชาติภพหน้า
ท่านฮะคุอิน อาจารย์เซนผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า
ท่านหยุนเหมิน อาจารย์เซนผู้ยิ่งใหญ่ ชาติก่อนเคยได้สดับพระธรรมเทศนาของพระพุทธองค์บนเขาคิชฌกูฏ ด้วยกุศลนั้นทำให้เกิดเป็นราชาถึง 3 ชาติ แต่กลับลืมอภิญญาที่ฝึกฝนได้มาครั้งพุทธกาลไปหมดสิ้น
พระเถระอู๋จู่ เป็นผู้ปราดเปรื่องในธรรมมีสมณศักดิ์สูงส่ง แต่ตายแล้วไม่ได้ไปไหน กลับมาเกิดใหม่เป็นซูตงพอ กวีเอกสมัยราชวงศ์ถัง
พระวินยาจารย์ต้าวเซวียน แห่งหนานเยว่ แม้มีเชี่ยวชาญในพระธรรมคนเคารพนับถือมากมายในประเทศจีน เมื่อตายแล้วมิได้บรรลุธรรมแต่กลับมาเกิดใหม่เป็นโชกุนชาวญี่ปุ่น คือ มินาโมโตะ ซาเนโตโมะ วนเวียนกับเรื่องทางโลกจนสิ้นชีวิตไป
พระเถระไรโชโบ ผู้ธุดงค์ไปทั่วญี่ปุ่นในยุคโบราณ เป็นผู้ปราดเปรื่องและทรงคุณธรรม ตายแล้วไม่พ้นสังสารวัฏ กลับมาเกิดเป็นโชกุนมินาโมโตะ โยริโตโมะ สิ้นโอกาสที่จะบำเพ็ญบารมีไป
และในสมัยโบราณมีพระรูปหนึ่งแห่งเทือกเขาฮิเออันศักดิ์สิทธิ์ ตายแล้วมาเกิดใหม่เป็นไทระ คิโยโมริ ผู้เรืองอำนาจในยุคเฮอัน
เมื่อเกิดเป็นคิโยโมริ มิได้เหลือเค้าสันดานพระแต่ชาติก่อน สิ้นมหากรุณาไปหมด ทั้งยังกำราบศัตรูอย่างเหี้ยมโหด สั่งให้เผาวัดโทไดจิ ทำลายหลวงพ่อโตจนพินาศ วิหารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเหลือแต่เถ้าถ่าน พระศอและพระกรของหลวงพ่อโตหลอมเพราะไฟจนถล่มลงมา น่าเวทนายิ่ง
เพราะกรรมเผาหลวงพ่อโตโทไดจิ ก่อนจะตายคิโยโมริต้องทุรนทุรายเพราะไอร้อนจากไข้นานหลายสิบวัน ร้อนขนาดคนเข้าไปใกล้ๆ ไม่ได้ เมื่อหย่อนลงน้ำไป น้ำยังเดือดจนกลายเป็นไอจนหมดสิ้น
ร้อนปานนรกขนาดนันแต่คิโยโมริไม่ตาย
คืนหนึ่งคุณหญิงของคิโยโมริฝันไปว่า มีรถม้าที่ไฟลุกโชนเข้ามาในประตูคฤหาสน์ของนางโดยไม่มีคนขับและด้านหน้ากับด้านหลังมีอสุรกายสองตนยืนอยู่มีศีรษะเป็นวัวอีกตนหนึ่งศีรษะเป็นม้า ที่ด้านหน้ารถม้าปรากฏป้ายเหล็กจารึกด้วยอักขระตัวเดียวว่า "มู" (無) แปลว่า "ไม่มี"
ยมทูตกล่าวว่า "เพราะกรรมอันชั่วร้ายของอัครมหาเสนาบดีพรตสกุลเฮเกะนั้นใหญ่หลวงนัก รถม้านี้จึงมารับเขาไปยังพระราชวังแห่งพญายมราชผู้น่าสะพรึง"
นางถามต่อว่า "แล้วแผ่นป้ายนั้นมีความหมายว่าอะไร?"
ยมทูต ตอบว่า "เนื่องจากความผิดมหันต์จากการเผาพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์อันมหึมาแห่งองค์ไวโรจนะสูงหนึ่งร้อยหกสิบศอก พญายมราชจึงมีโองการว่าจะส่งเขาไปลงนรกขุมอเวจีที่ร้อนที่สุดจักต้องตายแล้วเกิดใหม่ที่นั่นไม่มีสิ้นสุด ดังนั้นจึงเขียนอักขระ "ไม่มี" เอาไว้ก่อน แล้วจึงตามด้วยอัขระคำว่า "หยุด" ในภายหลัง
ในบันทึก "เฮเกะโมโนกาตาริกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "เขาตายอย่างเจ็บปวดในที่สุด"
ผมจำไม่ได้ว่าอ่านพบที่ไหน คิโยโมรินั้นอาจบำเพ็ญวิถีโพธิสัตว์จึงเกิดเป็นภิกษุบำเพ็ญธรรม แต่เพราะยังไม่ถึงที่สุดของความเป็นโพธิสัตว์ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันแห่งกิเลส บุญจึงนำพามาเกิดมาเป็นผู้มีบารมี
เมื่อเป็นใหญ่ในชาติภพนี้ลืมความดีที่ได้ทำ เสวยบุญเก่าพร้อมกับทำบาปกรรมจนบุญเหือดแห้งไป ในที่สุดก็ต้องไปอยู่ในนรก "ไม่มีหยุด"
ท่านฮะคุอิน อาจารย์เซนผู้ยิ่งใหญ่สอนว่า มหากรุณาเปรียบดังน้ำมันหล่อเลี้ยงโพธิจิตไม่ให้ดับ ตราบใดที่ยังมีน้ำมันนี้ ต่อให้อยู่ท่ามกลางคนชั่วนับหมื่น ประทีปก็ไม่มีวันดับ แต่หากสิ้นซึ่งน้ำมันแล้ว ต่อให้ไม่มีลมมันก็ดับ
เมื่อดับแล้วก็จะพาให้จิตที่เคยมุ่งมันในกุศล หลงไหลในแสงสี มัวเมาในอำนาจ ก่อกรรมทำเข็ญ หลงในสังสารวัฏชั้นต่ำไปอีกนาน
ใดๆ ในโลกนี้ไม่เที่ยง ดังวรรทองจากบันทึกเฮเกะโมโนกาตาริ กล่าวว่า
"เสียงระฆังของวัดเชตวันวิหาร (กิองโชจา) สะท้อนถึงความไม่จีรังของสรรพสิ่ง เลื่อมสีสันของดอกสาละประกาศว่าผู้ใดที่เบ่งบานได้ก็มีวันที่จะโรยราได้ ผู้มีความภาคภูมิก็เป็นเพียงชั่วขณะหนึ่งเหมือนความฝันยามสายัณฑ์ของวสัตฤดู ผู้เรืองอำนาจถูกทำลายในท้ายที่สุด กลายเป็นธุลีเบื้องหน้าสายลม"