Wednesday, July 20, 2022

วิธีล้มประชาธิปไตย

ที่มา โดยคุณ Pakinai
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0jyp8cKWVM9MPTPaTnoRtTHLFLE4hEMVSp1EpfY6iM33yg8ZCjQKLkALjDTeMGqocl&id=539526609

โมเดลที่ฝ่ายขวาใช้ล้มประชาธิปไตยมาตั้งแต่ปี 2549 มีองค์ประกอบสำคัญตามนี้
1. มวลชนอนุรักษ์นิยม+สลิ่ม
2. กระบวนการยุติธรรม
3. องค์กรอิสระ
4. กองทัพ
5. สถาบันกษัตริย์
6. เครือข่ายชนชั้นนำจารีตและข้าราชการ
7. เครือข่ายกลุ่มทุนขนาดใหญ่
8. ใช้สื่อสารมวลชนเป็นกระบอกเสียง
9. พรรคการเมืองแนวร่วม
--
วิธีการ
1. ปูทางเหตุผลล่วงหน้าเป็นปีด้วยข้อโจมตีสารพัด จริงๆ เท็จๆ ผสมกันไป
2. สร้างการรับรู้ให้คนในสังคม ว่าทำไมต้องต่อต้านรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้ง
3. จัดตั้งองค์กรนำมวลชน (เช่น พธม, กปปส และอื่นๆ) เพื่อระดมมวลชนลงถนน สร้างเงื่อนไขทางการเมือง สร้างกระแสมวลชน กระแสม้อบ จุดให้ติดเพื่อชุมนุมได้อย่างยาวนาน สามารถสร้างการรับรู้ทางการเมืองอย่างต่อเนื่องได้
4. ระดมแรงสนับสนุนทุกด้านจากเครือข่ายฝั่งตัวเองไม่ว่าจะเป็นเงิน อาคารสถานที่ ธุรกิจ ฯลฯ
5. ใช้คนของตัวเองฟ้องร้องฝ่ายตรงข้ามทุกช่องทางที่สามารถทำได้ เพื่อใช้กระบวนการยุติธรรมเชือดให้ตายในทางกฎหมาย จนถึงเอาเข้าคุก
6. เมื่อทำม้อบจนถึงจุดหนึ่ง จุดที่สุกงอมมากพอ มีเหตุผลมากพอ ก็เปิดทางให้ทหารเข้ามายึดอำนาจ โดยมีการเมืองมวลชนฝั่งตัวเองยืนปรบมือต้อนรับ ให้ความชอบธรรมการรัฐประหาร
7. เมื่อยึดอำนาจได้ก็ออกแบบกลไกอำนาจทุกจุด สกัดไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามสู้คืนได้ หรือ สู้ยากที่สุด
--
ในกรณีที่ยังกดปราบฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ผล อีกฝ่ายสามารถระดมคนออกมาสู้ได้ ยังเอาชนะได้ วิธีการที่เขาใช้ก็คือใช้อำนาจดิบกดปราบ (รูปธรรม คือ ยิงมวลชนอีกฝ่ายทิ้งกลางเมือง, ว่ากันว่าตัวเลขที่ฝ่ายนั้นตั้งเพดานเอาไว้เมื่อปี 2553 คือยิงทิ้ง 1,000 -1,500 คน 1,000-1,500 คนอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ อันนี้ไม่มีหลักฐานอะไรพิสูจน์ เป็นข้อมูลปากเปล่า เล่าสู่กันฟัง ไม่จำเป็นต้องเชื่อผม)
--
วิธีคิดเหล่านี้ยังคงอยู่ในหัวพวกมันเหมือนเดิมครับ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนมากนัก

Saturday, April 23, 2022

ประวัติโดยย่อ ของนายทองด้วง โดยคุณ markpeak

ที่มา https://markpeak.net/thongduang/

ประวัติชีวิตนายทองด้วง

กำลังอ่านหนังสือเรื่อง “2325 เปิดศักราชกรุงเทพฯ” เล่าประวัติช่วงก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ ของ สุเจน กรรพฤทธิ์ (สำนักพิมพ์สารคดี) พบว่าได้เรียนรู้ชีวประวัติของรัชกาลที่ 1 เพิ่มอีกหลายอย่าง

ในฐานะคนไทยทั่วไปที่เรียนประวัติศาสตร์เฉพาะในตำราเรียน เราทราบกันคร่าวๆ แค่ว่า รัชกาลที่ 1 เป็นนายทหารคู่ใจของพระเจ้าตากสิน ที่ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ในภายหลัง, ย้ายเมืองหลวงข้ามฝั่งแม่น้ำมากรุงเทพ และมีตำนาน “อะแซหวุ่นกี้ขอดูตัว” เป็นที่เล่าขาน

โฟกัสใหญ่ๆ ของรัชกาลที่ 1 นอกจากการเป็นปฐมกษัตริย์ผู้ตั้งราชวงศ์จักรี ก็มีเรื่องการยึดอำนาจของพระเจ้าตาก ทำไมต้องยึด พระเจ้าตากตายจริงหรือไม่ ไปบวชที่นครศรีธรรมราชรึเปล่า ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนถกเถียงกันไปเยอะแล้ว

แต่รัชกาลที่ 1 เป็นใครมาจากไหน ทำอะไรมาก่อน กลับเป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้กันสักเท่าไรนัก (ถ้าไม่ใช่นักประวัติศาสตร์หรือผู้สนใจจริงจัง) การอ่านหนังสือเล่มนี้เลยตอบคำถาม และเห็นภาพมากขึ้น

ในโอกาสที่เขียนบล็อกนี้ในวันจักรี พ.ศ. 2565 (240 ปีหลังครองราชย์) เลยมาสรุป timeline เส้นทางชีวิตของ “นายทองด้วง” ก่อนได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เอาไว้หน่อย

  • พ.ศ. 2279 [อายุ 0 ปี] – “ทองด้วง” เกิดในสมัยอยุธยา ในตระกูลขุนนาง พ่อคือ หลวงพินิจอักษร
  • พ.ศ. 2286 [อายุ 7 ปี] – “บุญมา” น้องชายเกิด
  • ช่วงวัยเด็ก – ไม่ปรากฏข้อมูลมากนัก
  • ช่วงวัยผู้ใหญ่
    • ไม่ได้รับราชการหลวง แต่ไปสังกัดเจ้านาย “พระองค์เจ้าอาทิตย์” พระราชนัดดาพระเจ้าเอกทัศน์
    • น้องชาย บุญมา เข้ารับราชการ เป็นทหารคนสนิทของพระยาตาก
    • แต่งงานกับคุณนาค ซึ่งเป็นลูกของคหบดีเมืองราชบุรี (ภายหลังเป็น สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี)
  • พ.ศ. 2308 [อายุ 29 ปี] – กองทัพพม่าบุกอยุธยา ไปหลบกับพ่อตาอยู่ที่สมุทรสงคราม (บางกุ้ง)
  • พ.ศ. 2310 [อายุ 31 ปี] – กรุงศรีอยุธยาแตก บุญมาหลบหนีตามพระเจ้าตาก ฝ่าวงล้อมทหารพม่าไปตีเมืองจันทน์
  • พ.ศ. 2311 [อายุ 32 ปี]
    • บุญมา มาตามพี่ชายที่บางกุ้ง ไปรับราชการกับพระเจ้าตาก โดยตำแหน่งแรกเป็น พระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจนอกขวา
    • งานแรกคือ ปราบก๊กเจ้าพิมาย ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น พระยาอภัยรณฤทธิ์
    • ฉิม ลูกชายคนแรกเกิด (ต่อมาคือ รัชกาลที่ 2)
  • พ.ศ. 2312 [อายุ 33 ปี]
    • ไปปราบก๊กพระยานครศรีธรรมราช แต่ไม่สำเร็จ
  • พ.ศ. 2313 [อายุ 34 ปี]
    • ไปปราบก๊กเจ้าพระฝาง บุญมาได้เลื่อนเป็น เจ้าพระยาสุรศรี, ทองด้วงได้เป็น พระยายมราช
  • พ.ศ. 2314 [อายุ 35 ปี]
    • ไปตีกัมพูชาทางบก สยามชนะได้ดินแดนบางส่วนของกัมพูชา
  • พ.ศ. 2316 [อายุ 37 ปี]
    • สกัดทัพพม่า-ลาว ที่ปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา
  • พ.ศ. 2317 [อายุ 38 ปี]
    • ไปตีเมืองเชียงใหม่ + ไปรับมือทัพพม่าที่ศึกบางแก้ว (ราชบุรี)
  • พ.ศ. 2318-2319 [อายุ 39-40 ปี]
    • ศึกอะแซหวุ่นกี้ ที่พิษณุโลก เหตุการณ์อะแซหวุ่นกี้ขอดูตัว (ซึ่งนักประวัติศาสตร์บางคนบอกว่าไม่มีจริง)
  • พ.ศ. 2322 [อายุ 43 ปี]
    • ศึกเวียงจันทน์ ตีเวียงจันทน์ ได้พระแก้วมรกต
  • พ.ศ. 2324 [อายุ 45 ปี]
    • ศึกกัมกูชา (อีกรอบ)
  • พ.ศ. 2325 [อายุ 46 ปี]
    • เดินทางกลับจากทัพกัมพูชา มายึดอำนาจพระเจ้าตาก ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์