Thursday, May 31, 2007

พร่ำเพ้อในคืนวันเพ็ญเดือน ๖

"สัญญาต้องเป็นสัญญา" "ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ" เป็นคำปลอบใจของคนดีๆ
ทั้งที่การพูดให้ดูดี ทำเป็นใจกว้าง การโกหก การตอแหล เป็นธรรมชาติของมนุษย์
เป็นเราก็เถอะ ก็คงลืมคำเหมือนกัน ฉะนั้น ใครจะลืมบ้างก็ควรปล่อยเขาได้ระบายตามกาล-ตามกรอบอันควร
อีกทั้ง ความขัดแย้ง ความเข้าใจผิด ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น เป็นสิ่งต้องมีในสังคมโลกมนุษย์ เพราะสิ่งนั้นคือพลังงานนำไปสู่การค้นหา นำไปสู่ปฏิบัติการใหม่ๆ อย่างที่เรียกว่า "นวัตกรรม"
ยังไม่มีอะไรที่ "ใช่" ไม่มีอะไรที่ "จริงแท้" เพียงแต่ "ยึดถือ" ว่าใช่กันไปตามกฎเกณฑ์กติกาหนึ่งๆ เท่านั้น วันนี้-ใช่ พรุ่งนี้-อาจไม่ใช่ กลายเป็นอีกอย่างตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขใหม่ก็ได้
เพราะที่พูดกันว่ามนุษย์ "มีปัญญา" นั้น จริงๆ แล้วความชาญฉลาดของมนุษย์ทุกวันนี้ เป็นแค่ "สัญญา" ไม่ใช่ "ปัญญา"
สัญญา คือความรู้ ความเข้าใจ ความทึกทัก ในสิ่งจำนั้น ฉะนั้น สิ่งที่จำจนถึงขั้นได้ปริญญากันนั้น เป็นแค่การ "เรียนจำ" กันมาเป็นทอดๆ จำเท่าอาจารย์ โง่-ฉลาดเท่าอาจารย์
ก็เอากระดาษไปแผ่นหนึ่งที่เรียกว่า..ใบปริญญา!
ความรู้จำนั้น สิ่งที่จำ "ไม่จริง" ยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอด เช่นกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ หรือวิทยาการทางแพทย์ ซึ่งมีการค้นพบใหม่ไปเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์เก่าอยู่ตลอด เป็นความรู้ที่ยัง "ไม่นิ่ง" ยังเอาชีวิตไม่รอด อันเป็นแกนหลักของสังคมตะวันตก เขาจึงต้องค้นหากันตลอดเวลา
ฉะนั้น พวกนกแก้วนกขุนทองนั้นก็ทำให้อยู่รอดตัวได้ไปแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น
"ปัญญา" สิ คือความรู้จริง-แจ้ง และสิ่งนั้นอีกกี่ร้อย-กี่ล้านปี ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
อย่างเช่น รู้ว่าทุกอย่างไม่คงที่ รู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลง เราก็พัฒนาตัวตนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ ถ้าใครมองเห็นอีกว่าการพัฒนาทำตนให้ตามติดไปกับการเปลี่ยนแปลงอันสากลนั้นมันเจ็บปวดทรมานและเป็นไปไม่ได้ เพราะมันก็ไม่ใช่อะไรที่บอกได้ว่าให้ตามติดไปได้ ใครไปยึดว่าคงที่ก็เป็นทุกข์ เพราะทุกสิ่งนั้นเป็นแค่ "สิ่งยึด" สิ่งที่ยึดก็เป็นแค่อาการของจิตเข้าไป "นึกยึด" เอาเอง อาจจะหลงว่าที่ "ตา" เห็นนั่นไงคือตัวตน มันก็เป็นตัวตนแค่หลงเอาชั่วกาลเวลาระยะหนึ่ง อันเป็นอดีตไปแล้ว ณ วินาที ที่ยึด แล้วในที่สุดไอ้ที่หลงยึดมันก็สูญสลาย ไม่มีตัวตนอะไรเหลือให้ยึดได้ดังใจอยากตลอดไปเลย!
ยึด-ทุกข์, ไม่ยึด-ไม่ทุกข์ ในโลกนี้ไม่มีตัว "สุข" ดอก สหาย
หาให้ตายก็ไม่พบ แต่ขณะใดที่ใจ "ไม่ทุกข์"
ขณะนั้น สุข จาก สงบ ปรากฏทันที!
ผู้ใดเข้าถึง "สัมโพธิ" ผู้นั้นมีปัญญา
สัม มากจาก"สํ" อุปสัค แปลว่า พร้อม
โพธิ คือ รู้
สัมโพธิ คือ รู้พร้อม รู้ทัน รู้รอบ รู้รอด รู้พ้น พ้น-วนออกจากทุกข์ รู้อย่างนี้ รู้ด้วยปัญญา รู้ว่าสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น เพราะมีอีกสิ่งหนึ่ง ถ้าไม่มีสิ่งนี้ สิ่งนั้นก็จะไม่มี เพราะมีสิ่งนี้ตะหาก สิ่งนั้นถึงมี
โลกนี้คือ "วงกลม" แห่งการเชื่อมโยงแห่งเหตุ และการนำไปสู่ผล ผลที่สร้างเหตุต่อเนื่องกันไป "ไม่สิ้นสุด"
การ "รู้พ้น" ไม่ได้หมายถึงเป็น "คนหนีโลก"
แต่หมายถึงเป็น "คนเหนือโลก" เพราะเข้าใจ-เข้าถึงในเหตุการณ์ ในปัญหาที่เชื่อมโยงกัน ในความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเปลี่ยนแปลงไป
เข้าใจ-เข้าถึง ก็จะเห็นมัน อยู่กับมัน รับรู้มัน เล่นกับมัน ด้วยใจเบิกบาน ที่มันย้อมไม่ติด
เหมือนการออกกำลังกาย ไม่ใช่การเสียกำลัง-เสียแรง แต่เป็นการเพิ่มพลังใจที่สดใส ได้พลังกายที่สดชื่น!

1 comment:

Vacuole said...

ออกกำลังกาย - ออกกำลังใจ
แข็งแรง - มั่นคง
สบาย - สงบ
(- -,)~